Work-Life Balance? คำถามที่คุณอาจตั้งผิดมาตลอดชีวิต

<p>สวัสดีครับคุณผู้อ่านทุกท่าน กลับมาพบกับผม Mister J ในช่วงเวลาดีๆ ที่เราจะมาพูดคุยถึงเรื่องราวของชีวิต การทำงาน และการค้นหาความหมายที่ซ่อนอยู่ในตัวอักษร</p>
<p>มีคำศัพท์คำหนึ่งที่เราได้ยินกันจนหนาหูในช่วงหลายปีที่ผ่านมา... นั่นก็คือคำว่า <strong>"Work-Life Balance"</strong>&nbsp; คำสวยหรูที่ฟังดูเหมือนเป็นจอกศักดิ์สิทธิ์ของคนทำงานยุคใหม่ ใครๆ ก็อยากมี ชีวิตที่สมดุล งานดี เงินดี มีเวลาพักผ่อน...</p>
<p>แต่ถ้าผมจะบอกว่า... เราอาจจะกำลังวิ่งไล่ตามภาพลวงตากันอยู่ล่ะครับ?</p>
<p>เวลาใครเดินมาปรึกษาผมเรื่อง Work-Life Balance นะครับ เอาจริงๆ คำตอบที่ผมมักจะให้ในใจก็คือ <strong>"แล้วไงต่อ?"</strong> ไม่ใช่ว่าผมกวนประสาทนะ แต่ผมรู้สึกว่าเรากำลังตั้งคำถามผิดที่ผิดทางกันอยู่หรือเปล่า เราพยายามจะสร้างสมดุลให้กับสองสิ่งที่หลายคนมองว่าเป็นขั้วตรงข้าม แต่แท้จริงแล้ว... หัวใจของเรื่องทั้งหมด มันอาจจะไม่ได้เกี่ยวกับ "งาน" หรือ "ชีวิต" เลยก็ได้</p>
<p>แต่มันซ่อนอยู่ในสองคำที่ทรงพลังกว่านั้นมาก... นั่นคือ <strong>JOY</strong> และ <strong>PURPOSE</strong> ครับ</p>
<p>เอาล่ะ... เพื่อให้เห็นภาพชัดๆ และเข้าใจในสิ่งที่ผมกำลังจะสื่อสาร ผมมีบทความชิ้นหนึ่งที่เฉียบคมมาก อยากจะเอามาเล่าสู่กันฟัง มันสะท้อนมุมมองที่ผมเพิ่งพูดไปได้ดีสุดๆ ลองอ่านกันดูนะครับ</p>
<h2>Work life balance</h2>
<p>เวลามีคนมาคุยเรื่อง WORK LIFE BALANCE ผมก็มักจะตอบกลับไปว่า &ldquo;เรื่องของคุณ&rdquo;</p>
<p>เพราะผมคิดว่า WORK LIFE BALANCE มันไม่ได้เกี่ยวกับการทำงานและการใช้ชีวิต</p>
<p>แต่มันเกี่ยวกับอีก 2 เรื่องที่ไม่ได้อยู่ในประโยคเลยนั่นคือ JOY กับ PURPOSE</p>
<p>คืองี้.. คนบางคนทำงานได้ทั้งวันไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ทำต่อกลางคืนก็ได้ เป็นเพราะเขาได้ &rdquo;ทำในสิ่งที่ชอบ&ldquo; เขาค้นพบว่าอะไรคืองานที่เขาถนัดและทำได้ดี ต่อยอดให้เขาสนุกกับการทำ เพราะชอบอยู่แล้ว พอยิ่งทำ ยิ่งทำได้ดี ก็ยิ่งชอบ แถมทำแล้วก็ได้เงิน ได้รับการยกย่อง ทุกอย่างมันเสริมกันหมด</p>
<p>ทำงาน ได้เงิน แล้วมีความสุข ก็เรียกว่า WORK LIFE INTEGRATION</p>
<p>คือไม่ต้องพักหรอก เพราะทุกวันนี้ทำงานก็เหมือนพัก ดีไม่ดีการไปเที่ยวยังจะน่าเบื่อกว่าซะอีก ไหนจะต้องเดินทาง จองที่พัก หาร้านอาหารแย่งกันกิน</p>
<p>แต่บางคนก็อาจจะไม่ JOY กับงาน..​แต่เขามี PURPOSE</p>
<p>คือรู้ว่าทำงานไปเพื่ออะไร</p>
<p>เออ งานไม่ได้สนุกมากหรอก ตื่นเช้า ทำงานหนัก แต่มีเป้าหมาย รู้ว่าทำไปเพื่ออะไร ทำเพื่อหาเงินเลี้ยงครอบครัวนะ ทำเพื่อซื้อบ้านใหม่นะ ทำเพื่อเลี้ยงดูพ่อแม่นะ หรือแม้แต่ทำเพื่อสนองความต้องการตัวเองที่อยากจะเติบโตยิ่งใหญ่</p>
<p>เมื่อมี PURPOSE ที่ชัด งานจะสนุกหรือไม่นั่นคือเรื่องรอง</p>
<p>เหมือนการวิ่งออกกำลังกาย การไปฟิตเนสยกน้ำหนัก การลดแป้งลดน้ำตาล มันไม่ได้สนุกมากหรอกตอนทำ อาจจะมี JOY นิด ๆ แต่เป้าหมายนั้นสำคัญกว่า</p>
<p>ก็เลยทำให้ทำงานได้เต็มที่สุด ๆ ไปเลย ถ้าวันไหนโดนลากไปเที่ยว หรือชวนให้ดู Netflix ก็อาจจะแบบ &ldquo;ก็ได้นะ&rdquo; คือไม่ได้อะไรขนาดนั้น</p>
<p>ช่วงหนึ่งของชีวิตผมก็อยากจะ Work less Life more เพราะไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ทำอยู่มันสนุกไหม เราชอบรึเปล่า ทำได้ดีไหม แถมเป้าหมายก็ไม่ชัดว่าทำไปเพื่ออะไร</p>
<p>ดังนั้นการที่จะบอกคนอื่น ๆ ว่าให้ &rdquo;ทำงานหนัก&ldquo; หรือ &rdquo;ทำงานให้พอดีกับพักผ่อน&ldquo; หรือจะ &rdquo;ทำงานกับใช้ชีวิตให้เป็นสิ่งเดียวกัน&ldquo; มันเหมือนไปบอก ปลายทางแล้ว บอกไปให้เชียงใหม่ แต่ไม่รู้ว่าไปทำไม</p>
<p>กลับกันให้บอกเขาไปหา JOY และ PURPOSE ดีกว่า ถ้าเจอแล้วเรื่อง Work Life Balance นี่ลืมไปได้เลย</p>
<h2>ช่างแม่ง Work Life Balance</h2>
<p>มันจึงเหมือนมีเส้นกั้นบาง ๆ ระหว่างคนที่เบื่อวันจันทร์ รอวันศุกร์ กับคนที่ทำงานแม้วันเสาร์อาทิตย์</p>
<p>ที่ออฟฟิศผมจะมีให้ทำแบบทดสอบ &ldquo;หาจุดแข็ง&rdquo; เพราะบางครั้งเรา &ldquo;คิดว่า&rdquo; คนนี้น่าจะเก่งเรื่องนี้ แต่พอให้ทำงานจริง ๆ อ่าว ไม่ใช่นี่นา แล้วเราก็ไปกดดันให้เค้าทำงานที่ไม่ถนัดก็ยิ่งแย่ไปใหญ่ การค้นให้เจอจุดแข็งแล้วผลักดันไปทางนั้นคือจุดเริ่มต้นที่ดีอย่างหนึ่ง</p>
<p>ซึ่งไม่ได้ใช้ได้เฉพาะกับคนที่ทำงานด้วย ..​แต่ใช้กับตัวเองนี่ดีนักแหละ!!</p>
<p>เริ่มต้นที่สิ่งที่เราถนัดก่อน ถ้าถนัดแล้วทำได้ดี เด่ะมันก็ดีเอง กลับไปที่เรื่อง JOY</p>
<p>ส่วน PURPOSE นี่ก็ต้องหากันเอาเอง หาไม่ยากแต่ต้อง &ldquo;เริ่ม&rdquo; บางคนทำงานไปวัน ๆ ได้เงินมาก็พลาญไปกับสิ่งของ เสื้อผ้า gadget brand name รู้ตัวอีกทีเพื่อน ๆ มีบ้าน มีรถ อ่าว gadget กูเกาะฝุ่นหนึบเพียบเลย พออายุเยอะอีก นั่น! Midlife Crisis!! T_T</p>
<p>ลองเริ่มจากสองสิ่งนี้ก่อน ผมว่ามันเป็น &ldquo;สารตั้งต้น&rdquo; ที่ดี ที่จะทำให้คุณไม่ต้องนึกถึง Work Life Balance แล้วไม่ต้องมาเถียงกันอีกเลย</p>
<p>เพราะจริง ๆ JOY กับ PURPOSE นี่มันเกี่ยวเนื่องกันนะ JOY คือ Journey ระหว่างทาง ส่วน PURPOSE มันคือเส้นชัย.. ถ้ามีทั้งสองอย่างได้คือดีมาก</p>
<p>เพราะสุดท้ายแล้วคนที่ Work Life Balance ได้ก็อาจจะไม่ได้เก่งไปกว่ากัน เพียงแค่เขาหา JOY กับ PURPOSE ได้ก็เท่านั้นเอง</p>
<hr>
<p>เป็นยังไงกันบ้างครับ... เห็นภาพชัดขึ้นไหม?&nbsp;บทความชิ้นนี้ตบหน้าเราฉาดใหญ่เลยนะครับ มันบอกเราว่าให้เลิกเอาตาชั่งมาวัด "งาน" กับ "ชีวิต" ได้แล้ว แต่ให้เปลี่ยนไปใช้เข็มทิศแทน เข็มทิศที่ชี้ไปยังสองดาวเหนือที่แท้จริงนั่นคือ <strong>JOY</strong> และ <strong>PURPOSE</strong></p>
<p><strong>JOY</strong> คือความสุขระหว่างทาง คือการเดินทาง (The Journey) มันคือความรู้สึกที่ว่า "เฮ้ย! ทำสิ่งนี้แล้วมันใช่เลย" "เวลาหายไปไหนหมดไม่รู้" มันคือการได้ใช้จุดแข็งของตัวเองอย่างเต็มที่</p>
<p>ส่วน <strong>PURPOSE</strong> คือเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ คือเส้นชัย (The Destination) มันคือเหตุผลที่ทำให้เราลุกจากเตียงในตอนเช้าได้ แม้ว่าวันนั้นอาจจะไม่ใช่เรื่องสนุกไปซะทั้งหมด แต่เรารู้ว่าเรากำลังสู้อยู่เพื่ออะไร เพื่อใคร หรือเพื่อความฝันแบบไหน</p>
<p>คนที่เจอสองอย่างนี้แล้ว... คำว่า Work-Life Balance จะกลายเป็นเรื่องตลกไปเลยครับ เพราะงานของเขาได้หลอมรวมเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตที่เปี่ยมสุขและมีความหมายไปแล้ว มันคือ <strong>Work-Life Integration</strong> อย่างที่บทความว่าไว้</p>
<p>ทีนี้คำถามสำคัญก็คือ... แล้วเราจะหาสองสิ่งนี้เจอได้ยังไง?</p>
<p>ผมมีแบบฝึกหัดง่ายๆ ให้ลองกลับไปทำกับตัวเองคืนนี้นะครับ... ลองหยิบกระดาษเปล่าๆ ขึ้นมาสักแผ่น แล้วลองเขียนตอบคำถามง่ายๆ ดู:</p>
<ol start="1">
<li>
<p><strong>"อะไรที่ทำแล้วเวลาหายไปเลย?"</strong> ไม่ว่าสิ่งนั้นจะทำเงินได้หรือไม่ก็ตาม นั่นอาจจะเป็นประตูบานแรกสู่ <strong>JOY</strong> ของคุณ</p>
</li>
<li>
<p><strong>"ถ้าพรุ่งนี้เป็นวันสุดท้ายของชีวิต... มีอะไรที่ยังเสียดายว่าไม่ได้ทำ?"</strong> คำตอบของคำถามนี้... อาจจะเป็นเงาของ <strong>PURPOSE</strong> ที่คุณตามหาอยู่ก็ได้</p>
</li>
</ol>
<p>เลิกชั่งน้ำหนักระหว่าง 'งาน' กับ 'ชีวิต' ได้แล้วครับ... แต่จงออกเดินทางเพื่อค้นหาสิ่งที่ทำให้ 'หัวใจ' ของคุณทำงานอย่างมีความสุขและมีเป้าหมาย แล้วคุณจะพบว่า ไม่ว่าจะเป็นวันจันทร์หรือวันศุกร์ ทุกวันก็คือวันที่ยอดเยี่ยมได้ไม่ต่างกัน</p>
<p>สำหรับวันนี้ เวลาของผม Mister J หมดลงแล้ว หวังว่าคุณผู้อ่านจะได้ไอเดียดีๆ กลับไปจุดประกายให้กับตัวเองนะครับ แล้วกลับมาพบกันใหม่คราวหน้า... สวัสดีครับ</p>